หนาวนี้ ใครยังไม่มีแพลนไปไหน เราขอเสนอทริปสั้นๆ งบประหยัดให้ทุกคน ได้ไปเห็นญี่ปุ่นในอีกมุมมองนึงกัน ที่เกาะใต้แห่งดินแดนอาทิตย์อุทัย จังหวัดโอกินาว่านั่นเองค่า เราใฝ่ฝันอยากไปเกาะโอกินาว่ามานานมากแล้ว จะเป็นยังไง ตามไปดูกันค่ะ

สายการบินที่บินไป Okinawa จากไทย ตอนนี้ยังไม่มีบินตรง ส่วนใหญ่ต้องไปต่อเครื่องที่ Hong Kong หรือไม่ก็ Taiwan ได้ข่าวมาว่าปีหน้าสายการบิน Peach Airline จะมีบินตรงแล้ว ราคาก็ไม่แพง เพื่อนๆคนไหนเล็งๆอยู่ เตรียมจองได้เลยค่ะ รอบนี้เรานั่งสายการบิน Hong Kong Airlines ค่าตั๋วประมาณ 12,000 บาท ไปแวะ Transit ที่ฮ่องกง 3 ชม. แค่เดินชอปปิ้งก็หมดเวลาแล้ว เพราะสนามบินที่ฮ่องกงใหญ่มาก ของขายเต็มเลย ส่วนที่พักเราก็หาเอาจาก Booking.com ทั้งหมดเลยค่ะ

เกริ่นไปซะเยอะ เริ่มเที่ยวกันเลยดีกว่า วันแรกเราออกจากสุวรรณภูมิตั้งแต่ ตี4 แวะพักเครื่องกินติ่มซำที่ฮ่องกงประมาณ 3 ชม. แล้วก็บินต่อค่ะ กว่าจะถึงโอกินาว่า ก็บ่าย 3 โมงแล้ว

การเดินทางที่นี่ก็ไม่ได้ยุ่งยากอะไรค่ะ มีรถไฟฟ้าโมโนเรลแค่สายเดียวคือ Yui Rail ซึ่งสถานีตั้งอยู่ที่ตึก Domestic ค่ะ เราซื้อตั๋วแบบ Day pass ราคา 700 เยน (Day pass ที่นี่เป็นแบบ 24 ชม. นะคะ)

บรรยากาศบนรถไฟคึกคักมาก เป็นรถไฟรางเดียววิ่งไป-กลับจากสถานี Naha ไป Shuri

เรานั่ง Yui Rail จาก Naha Airport ไปลงที่สถานี Asato เพื่อไปเก็บกระเป๋าที่โรงแรม คืนนี้เราพักกันที่ Best western Naha ซึ่งตั้งอยู่ที่สถานี Asato เดินลงจากสถานีก็ถึงโรงแรมเลย สะดวกสบายมากๆ ห้องก็กว้างขวาง ความจริงเราจองเป็นห้อง standard ไว้ แต่โชคดีเค้า upgrade ให้เลยได้เป็นห้อง Deluxe

พอถึงที่พักเราก็พักผ่อนซักพัก แล้วก็ออกมาเดินเล่นที่ Kokusai Dori เรานั่งรถไฟไปลงที่สถานี Kencho-mae ถนนเส้นนี้เป็นถนนชอปปิ้งสายหลักของเมืองนาฮายาวประมาณ 2 กิโลเมตรค่ะ ถนนเส้นนี้เต็มไปด้วยร้านของฝาก

ร้านอาหารมากมาย บรรยากาศครึกครื้นมากๆสมกับเป็นเมืองชายทะเลจริงๆ

ของฝากที่นี่ที่เห็นแทบจะทุร้านก็คือ มันม่วง เกลือ สาหร่ายพวงองุ่น และอีกมากมายค่ะ วันนี้เราเลือกทานร้านอาหารพื้นเมืองกันค่ะ อาหารไม่ค่อยถูกปากเราเท่าไหร่ แต่การแสดงถูกใจเราสุดๆ

.

.

วันที่ 2 Shuri Castle – Okinawa World – American Village

วันนี้เราไปรับรถที่ OTS อยู่ที่สถานี Omoromachi ซึ่งอยู่สถานีถัดไปจากโรงแรมเราเลย

Tip: ที่เคาน์เตอร์มีขายตั๋วเข้าสถานที่ต่างๆในราคาพิเศษด้วย เราก็เลยซื้อตั๋วเข้า Aquarium กับ Okinawa World มาเลย ประหยัดได้ตั้งเยอะเลย

ได้มาแล้ว รถสภาพใหม่กิ๊กเลยค่า

พอรับรถเสร็จก็ขับไปเที่ยวที่ Shuri castle ซึ่งเป็นศูนย์กลางการปกครองของอาณาจักรริวกิว เสียค่าเข้าปราสาทคนละ 820 เยน

เค้ามีแจกกระดาษให้สะสมแสตมป์ตามจุดๆต่างๆด้วย ถ้าสะสมครบที่เค้ากำหนดก็ไปแลกเป็นของที่ระลึกได้

พอเดินเล่นทั่วปราสาทแล้ว เราก็เดินไปที่ทางเดินหิน Kinjo-cho Stone-paved Path ซึ่งยาวประมาณ 300 เมตร ระหว่างทางมีร้านกาแฟน่ารักๆตั้งอยุ่ด้วย แต่เสียดายเราไม่มีเวลาเลยไม่ได้นั่งเลย

หลังจากเดินเสร็จก็เที่ยงพอดี เราก็เลยทานอาหารกลางวันกันที่นี่เลย จากนั้นเราก็ขับขึ้นทางด่ วนไปเพื่อไป Okinawa world กัน ที่นี่ เป็น Theme Park ที่แสดงประวัติศาสตร์ วัฒนธรรมของโอกินาวา แต่ที่ที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวมากที่สุดคือ Gyokusendo เป็นถ้ำหินงอกหินย้อย ซึ่งเราก็เลือกที่จะเขาไปดูถ้ำอย่างเดียวค่ะ ถ้ำที่นี่จัดไฟสวยอลังการมาก เกิดมาไม่เคยเห็นถ้ำหินงอกหินย้อยอะไรเยอะและใหญ่โตขนาดนี้มาก่อน

หลังจากออกมาจากถ้ำก็จะเจอกับ Kingdom Village ซึ่งเป็นหมู่บ้านที่มีการแสดงศิลปวัฒนธรรมของอาณาจักริวกิว มีการแสดงงานฝีมือต่างๆเช่น การเป่าแก้ว การปั้นหม้อ ให้ดูด้วยและให้เราลองทำได้ด้วย

หลังจากนั้นเราก็ข้ามถนนไปกินกาแฟกันที่ Cave Cafe ซึ่งตั้งอยู่ตรงข้ามกับ Okinawa World เลย ความเก๋ของที่นี่ก็คือร้านกาแฟที่ตั้งอยู่ในถ้ำขนาดใหญ่ อะไรจะชิวขนาดนี้

ตอนนี้ก็เริ่มเย็นแล้ว เปราก็เลยมุ่งหน้าไปที่ American Village เลยขับรถประมาณ 1 ชั่วโมงก็ถึงที่หมาย อากาศก็เริ่มเย็นลงนิดหน่อย บรรยากาศที่นี่โรแมนติกมากๆ

ที่นี่ถูกตกแต่งไฟคริสมาสเต็มไปหมด ร้านขายของและร้านอาหารทุกร้านก็น่ารักมาก ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมใครๆก็แนะนำให้มาที่นี่

เราทานอาหารค่ำกันที่นี่เลยค่ะ ร้านนี้ก็ตกแต่งน่ารัก แถมอาหารก็อร่อยมากด้วย

.

.

วันที่ 3 Cape Zanpa – Cape Manza – Churaumi Aqaurium – Nakijin Castle – Aeon Rycom Mall

วันนี้เรามุ่งหน้าไปที่แหลม Zanpa ก่อนเลย เพราะที่นี่ใกล้กับที่พักเรามาก ขับรถมาไม่ถึง 10 นาทีก็ถึงแล้ว

และเราก็ไปที่แหลม Manza ต่อเลย

จากจุดชมวิวนี้สามารถมองเห็นโรงแรม ANA Intercontinental ได้ด้วย น่าไปพักที่นั่นจังเลย

จากนั้นเราก็แวะกินแพนเค้กร้านดังกันร้านนี้อยู่ใกล้ๆ Cape Manza เลยค่ะ ชื่อร้าน Hawaiian Pancakes House Paanilani (ข้อมูลดูได้ที่เว็บนี้ค่ะ http://www.paanilani.biz)

เราสั่ง Nuts Nuts Pancake ซึ่งเป็นเมนูแนะนำของทางร้าน

และ Chicken Pancakes อีกจาน

ทั้งสองเมนูอร่อยมากแพนเค้กเนื้อนุ่มมาก ขนาดเราไม่ได้เป็นแฟนแพนเค้กยังติดใจในรสชาติเลยค่ะ

จากนั้นเราก็เดินทางต่อไปที่ Churaumi Aqaurium ซึ่งเป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ของทริปนี้เลยค่ะ แต่เนื่องจากเราไปถึงก็บ่ายสามแล้ว เราเลยต้องทำเวลากันหน่อย เราซื้อตั๋วมาตั้งแต่ตอนเช่ารถแล้ว เลยไม่ต้องไปต่อคิวซื้อตั๋วอีก

ที่นี่คนเยอะตลอดทั้งวันเลย มีนักเรียนมาทัศนศึกษาเต็มไปหมด

ไฮไลท์ของที่นี่ก็ต้องเป็นเจ้าฉลามวาฬในแทงค์น้ำมหึมานี่เอง

ใหญ่อลังการมาก เราว่าคุ้มมากจริงๆกับค่าตั๋วที่เสียไป

พอออกจาก Churaumi Aqaurium เราก็ไปต่อกันที่ Nakijin Castle ซึ่งอยุ่ใกล้ๆกับ Aqaurium ที่นี่ได้รับรางวัล UNESCO  แต่เนื่องจากเราไปถึงก็เย็นมากแล้ว ก็เลยไม่มีคนเลย ที่นี่ปิด 6 โมงเย็น เราก็เลยต้องรีบทำเวลาอีกแล้ว

หลังจากนั้นเราก็มุ่งหน้าไปที่ห้าง Aeon Mall Rycom เพื่อไปทานอาหารเย็นและเดินชอปปิ้งซื้อของกัน ห้างนี้เป็นห้างที่เพิ่งเปิดได้ไม่นาน มีแทบทุกชอปที่ดังๆในห้างเดียวค่ะ มาทีเดียวครบเลย

.

.

วันที่ 4  Busena Marine park – Seifa Utaki

จากที่พักขับรถออกมาไม่ไกลก็ถึงBusena Marine park ค่ะ ที่นี่เป็นรีสอร์ท ที่มีกิจกรรมทางน้ำมากมายค่ะ แต่ที่นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่นิยมมาก็คือ การนั่งเรือท้องกระจก หรือ Glass Bottom boat และ Underwater Obervatory Tower (ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่นี่ค่ะ http://www.busena-marinepark.com/english/)

เนื่องจากวันนี้อากาศดีเราเลยได้นั่งเรือท้องกระจกกันค่ะ ค่าเรือคนละ 1540 เยน

เรือหนึ่งลำก็นั่งประมาณ 30 คน และมีไกด์อีก 1 คนคอยแนะนำเป็นภาษาญี่ปุ่นค่ะ เราฟังไม่รู้เรื่อง ดูแต่ปลาที่ว่ายอยู่ใต้เรือ เพลินมากๆเลยค่ะ ใช้เวลาอยู่บนเรือประมาณ 20 นาทีค่ะ

จากนั้น เราก็ขับรถไปทานกาแฟริมทะเลที่ร้าน Hamabe no chaya Cafe ร้านนี้เราขอยกให้เป็นร้านชิวอันดับ 1 ในดวงใจเลยค่ะ อาหารอร่อย วิวดี เหมาะแก่การมานั่งพักผ่อนมากๆค่ะฃ

วิวจากที่นั่งของเรา

หลังจากนั้นเราก็ไปคืนรถที่ OTS และเดินเล่นใน DFS

เนื่องจากคืนนี้เป็นคืนสุดท้าย เราเลยขอจัดดินเนอร์แบบยิ่งใหญ่ค่ะ เราแวะร้าน Isakaya ซึ่งเดาจากคนในร้าน ว่าต้องอร่อย เพราะคนแน่นมาก เลยเข้าเลยค่ะ ร้านนี้มีขายอาหารทะเลสดๆค่ะ เมนูที่สั่งมาอร่อยทุกอย่างจริงๆ แนะนำเลยค่ะ

.

.

.

ค่าใช้จ่ายตลอดทั้งทริป รวมทั้งหมด ประมาณ 30,000 บาทค่ะ

• ค่าตั๋วเครื่องบิน 11,785 บาท
• ค่าที่พัก 4 คืน คนละ 6450 บาท
• ค่าเช่ารถรวมค่าน้ำมันและค่าทางด่วน หารกันคนละ 4,000 บาท

https://www.otsinternational.jp/otsrentacar/en/

เราจองรถแบบ Hybrid เครื่อง 1500 cc. ประหยัดน้ำมันมากๆ ถ้าไปหลายๆคนหารกันก็ยิ่งถูกลงไปอีกค่า

• ค่าตั๋วรถไฟ Yuu Rail 450 บาท
• ค่าอาหาร ทั้งหมด คนละประมาณ 5,000 บาท
• ค่าเข้าสถานที่ต่างๆ (Aquarium, Okinawa world, Busena boat, Shuri castle) รวมทั้งหมด 1,800 บาท
• ค่า SIM to Fly (AIS) 8 วัน 399 บาท