เที่ยวเองที่รัสเซีย ล่าแสงเหนือ ไม่โหดอย่างที่คิด

Where do you want to travel?

Your journey will lead you to famous domestic and foreign beauty spots.

เที่ยวเองที่รัสเซีย ล่าแสงเหนือ ไม่โหดอย่างที่คิด

ทริปนี้เกิดมาจากความอยากไปดูแสงเหนือ แต่งบจำกัดของพวกเรา เราก็เลยต้องหาทริปที่สามารถไปดูแสงเหนือได้ และประหยัดงบ และจะเป็นที่ไหนไปไม่ได้ ถ้าไม่ใช่ ประเทศรัสเซีย เราแพลนทริปนี้แบบกระชั้นชิดมากๆ และเราก็คิดไว้ว่าไปทั้งทีแล้วก็ไปให้มันครบๆทั้ง 3 เมืองหลักๆไปเลย ทริปนี้ก็เลยไปทั้งหมด 10 วัน แบบเก็บหมดทุกที่ จะสนุกและมันส์แค่ไหน ตามไปดูกันค่า

 

การเดินทาง

เดินทางวันที่ 1-10 ธันวาคม 2018

  • การเดินทางจาก กรุงเทพฯ (สุวรรณภูมิ) – มอสโก (รัสเซีย)/ไป-กลับโดยการบินไทย

ครั้งนี้เราแลกไมล์จากROP ไป ใช้ไมล์ 55,000 ไมล์ เสียค่าภาษีอีก 5,285บาท

ขั้นตอนการแลกไมล์ก็ไม่ยุ่งยากเลยค่ะ เพียงแค่เรามีไมล์สะสมครบ ก็โทรไปที่ Call Center ของการบินไทย

และแจ้งวัน เวลาที่เราต้องการเดินทาง ถ้ามีเที่ยวบินว่างก็จองได้เลยค่ะ

  • การเดินทางในประเทศรัสเซีย มีสายการบินหลักๆอยู่ไม่กี่สายการบิน

ครั้งนี้ เรามีบินไปเมืองมูรมันส์ (Murmansk) ขาไปเรานั่งAeroflot จาก Moscow-Murmansk

ส่วนขากลับ เรานั่ง Nordaviaจาก Murmansk-Saint Petersburg

ทั้ง 2 สายการบินจะได้น้ำหนักกระเป๋าคนละ 23 กิโลกรัมค่ะ

 

การสื่อสารและ Applicationต่างๆ

  1. SIM โทรศัพท์สามารถหาซื้อได้ที่สนามบินขาออกได้เลยค่ะ มีบูทของเครือข่ายต่างๆมาตั้ง เราเลือกซื้อของ Megafone แบบเหมา 8 วัน 10 GB ราคา800 RUB
  2. Application Yandex เป็นApp ไว้ดูเส้นทางรถไฟใต้ดินในเมืองมอสโก และเซนต์ปีเตอรสเบิร์กใช้งานง่าย และสะดวกมากๆ สามารถเปลี่ยนเป็นภาษารัสเซียและภาษาอังกฤษได้
  3. Application Get เป็นApp สำหรับเรียกรถแท๊กซี่ วิธีการใช้ก็ง่ายมากๆ สามารถจ่ายเป็นเงินสดหรือตัดบัตรเครดิตก็ได้ ราคารถแท๊กซี่ที่รัสเซียค่อนข้างถูก พอๆกับที่ไทยเลย ที่สำคัญไว้ใจได้ ไม่ถูกโกงแน่นอนค่ะ
  4. Application Google Translate อันนี้เอาไว้ใช้เวลาสื่อสารและแปลความหมายต่างๆค่ะ

 

การแต่งกายยังไงให้รอด

ช่วงที่เราไปอากาศที่รัสเซียเข้าสู่ฤดูหนาวแล้ว อากาศก็จะอยู่ที่ 0 ถึง -14 องศา

แถมมีลมและหิมะอีก เพราะฉะนั้นการแต่งกายให้อบอุ่นจึงเป็นเรื่องที่สำคัญมากๆ

ท่อนบน: เราใส่ทั้งหมด4 ชั้น เรียงลำดับเป็น

ฮีตเทค Extra warm ของ Uniqlo + เสื้อ fleece คอเต่าของUniqlo +

เสื้อคอเต่าไหมพรมทั่วไป + เสื้อแจ๊กเกตกันหนาวบุขนสัตว์มีฮู้ด

ท่อนล่าง: เราใส่เลกกิ้ง2 ชั้นแบบหนา

ถุงเท้า: ถุงเท้าWool รุ่น Extra Warm ของ Columbia

หมวก: หมวกไหมพรม หาซื้อได้ทั่วไป เอาที่ปิดมาถึงหูได้

ผ้าปิดปาก: เราสั่งจากเวบ Aliexpress เป็นลักษณะเหมือนผ้าพันคอ

เวลาหนาวก็ดึงขึ้นมาปิดจมูกได้ ช่วยกันลมได้ดีมากจริงๆ

รองเท้า : เราใส่รองเท้าบูท เป็นรุ่นที่กันหิมะ ของ Coatover

ถุงมือ: ถุงมือรุ่นThermaratorของ Columbiaเอาอยู่ถึงอุณหภูมิติดลบต้นๆ

สำหรับเรา ท่อนบน และล่าง เอาอยู่ค่ะ ไม่หนาวเลย ที่เอาไม่อยู่ก็คือ มือ เท้า มากกว่า

แต่ก็ถือว่าทนไหวอยู่นะคะ ถ้าวันไหนหนาวมากๆก็ใส่มันซ้อน 2 ชั้นเอา ทั้งถุงมือและถุงเท้า

 

ค่าใช้จ่ายทั้งหมด

ค่าภาษีสนามบิน 5,285 บาท

ค่าตั๋วเครื่องบินในประเทศ 5,500 บาท

ค่ารถไฟนอน red arrow 2,925 บาท

ค่าที่พัก 8 คืน 8,000 บาท

ค่าทัวร์ที่ Murmansk 3 วัน 15,750 บาท

ค่า sim megaphone 400 บาท

ค่าตั๋วเข้าสถานที่ต่างๆ 2,000 บาท

ค่าตั๋วรถไฟใต้ดิน+แท๊กซี่ 1,000 บาท

ค่าใช้จ่ายรวมทั้งหมด ประมาณ 40,000 บาท ไม่รวมค่ากินและชอปปิ้งค่า

 

เริ่มเที่ยวกันเลยดีกว่า

Day 1: BKK – Moscow – Murmansk

วันแรกเป็นวันแห่งการเดินทางที่ยาวนานมากๆ เราออกเดินทางด้วยการบินไทย

จากกรุงเทพฯ  (สุวรรณภูมิ) – มอสโก (รัสเซีย)ไฟล์ท 10:50-17:10 ลงที่สนามบิน Domodedevo

ตม.ที่นี่ค่อนข้างตรวจเข้ม แต่ก็ไม่ได้โดนถามอะไรค่ะ ทาง ตม. เค้าจะให้ใบ migration card มาให้

ให้เราเก็บไว้ตลอดการเดินทางนะคะ เพราะ ขอออกจากรัสเซีย ทาง ตม. จะเก็บคืนไป

พอออกมาแล้ว เราก็แวะซื้อซิมของ Megafone ก่อนราคา 800 RUB

จากนั้นเราต้องเรียกแท็กซี่ไปที่สนามบิน Sheremetyevo เพื่อไปขึ้นเครื่องต่อไปที่เมืองมูรมันส์

แวะหาอะไรรองท้องก่อน ประเดิมมื้อแรกกันด้วย KFC เลย

ไฟล์ทรอบ 22:25 ถึงที่สนามบิน Murmansk ก็ประมาณตี 1 แล้ว

ทางทัวร์ก็ส่งไกด์ชื่อ Leina มารับพวกเราไปส่งที่โรงแรม Azimut Hotel ซึ่งโรงแรมเราตั้งอยู่ใจกลางเมืองเลย

พอไปถึงก็เชคอิน และเข้านอน หมดวันไปแบบหมดพลังมาก

 

Day 2: Terriberka

Leina (เลน่า)มารับพวกเราตั้งแต่ 8 โมงเช้า เพื่อเดินทางไป Terriberka ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมงกว่าๆ

มื้อเช้า เลน่าเตรียมแซนวิช และ ชา กาแฟ ขนม มาให้พวกเราพร้อมเลย แถมยังเตรียมพวกอุปกรณ์กันหนาว

เช่น ถุงมือ ถุงเท้า ผ้าพันคอ มาให้ด้วย เค้าน่ารักมากจริงๆ แถมยังอธิบายนู่นนี่ให้พวกเราฟังตลอดทาง

นั่งรถชมวิวเพลินๆเค้าก็แวะให้เราลงไปถ่ายรูปเล่นกัน

โฉมหน้าไกด์คนสวยของเรา

ลงไปได้ไม่ถึง 5 นาทีก็ต้องรีบขึ้นรถ เพราะลมแรง และหนาวมาก ยืนไม่ไหวจริงๆ

นั่งรถไปอีกซักพักถึงตัวเมือง Terriberka เมืองนี้เป็นเมืองเล็กๆ เราแทบไม่เจอผู้คนเลย

อาจเป็นเพราะอากาศหนาว เค้าเลยอยู่ในบ้านกัน

ก่อนกลับ เลน่าพาพวกเราไปทานอาหารกันที่ร้านอาหารแห่งเดียวของเมือง

ระหว่างรออาหาร ก็ออกมาถ่ายรูปเล่นริมทะเล

เค้าสั่งซุปปลา กับ สปาเกตตี้ซีฟู้ดมาให้ทานคลายหนาว

แต่รสชาติไม่ค่อยถูกปากเราซักเท่าไหร่

จากนั้น ก็ถึงเวลานั่งรถกลับเข้าเมือง ถึงเมืองก็ประมาณ 5โมงเย็น แต่ที่นี่มืดสนิท

เราก็เลยขอให้เลน่าไปส่งที่ห้าง Murmansk Mall ซึ่งจะผ่านก่อนถึงโรงแรม เรามาเดินหาซื้ออุปกรณ์กันหนาวกัน

ที่ห้างนี้มีแบรนด์เสื้อผ้ามากมาย ถ้าขึ้นไปชั้น 4 จะเจอเหมือน Sport Mall

ซึ่งจะมียี่ห้อต่างๆมากมายรวมถึง Columbia ด้วย ราคาที่นี่ก็จะถูกกว่าที่ไทยประมาณ 30%

พวกเราก็เลยจัดมาพอสมควร และนี่คือสิ่งที่พวกเราสอยกันมา

พอเดินชอปปิ้งเสร็จ เราโทรให้เลน่าช่วยเรียกแท๊กซี่ให้ แท๊กซี่ก็มารับพวกเราหน้าห้างและไปส่งที่โรงแรม

ระยะทางประมาณโลกว่าๆ ค่าแท๊กซี่ประมาณ 110 RUB แต่ด้วยอากาศ ทำให้พวกเราเดินไม่ไหวจริงๆ

และเราก็มาฝากท้องกันที่ Mcdonald สาขานี้เป็นสาขาที่มีป้ายติดไว้ว่าเป็นแมคสาขาที่สูงที่สุดในโลกด้วย

 

 

Day 3: Husky Village & Sami Village

วันนี้เราไปเที่ยวฟาร์มน้องหมาไซบีเรียนฮัสกี้กันซึ่งต้องนั่งรถออกไปจากตัวเมืองประมาณ 1 ชม.

ที่ฟาร์มจะเลี้ยงน้องหมาไว้ประมาณ 20 กว่าตัว หมาทั้งหมดเอาไว้ใช้ลากเลื่อน

บางตัวเอาไว้แข่งโดยเฉพาะ หมาที่นี่ขี้เล่นมากๆ

หลังจากเค้าพาไปดูน้องหมาเสร็จ ก็ให้ไปนั่งจิบชาอุ่นๆคลายความหนาวในกระท่อมเล็กๆ

จากนั้นก็ไปที่หมู่บ้าน Sami ซึ่งเป็นหมู่บ้านของชนเผ่าพื้นเมืองของที่นี่ ซึ่งมีอาชีพล่าสัตว์

ไปถึงไกด์ท้องถิ่นก็พาเราเข้าไปในกระโจมที่ก่อกองไฟอยู่ด้านในควันโขมงมาก

และเค้าก็อธิบายอุปกรณ์ต่างๆที่เอาไว้ใช้ในการดำรงชีวิต

และพาพวกเราไปลองใส่ชุดท้องถิ่นด้วย ทุกตัวจะทำจากขนสัตว์ ซึ่งอุ่นมากๆทุกชิ้น

คืนนี้เราให้ไกด์ไปส่งที่ร้านอาหาร Pinta ซึ่งเป็นร้านดังของเมือง

ด้านในร้านตกแต่งสวยมาก

ทีแรกเราตั้งใจว่าจะมากินขาปู แต่ว่าดันหมด

ก็เลยต้องสั่งอย่างอื่นแทน แต่ก็ไม่ผิดหวัง เพราะอาหารอย่างอื่นก็อร่อยมาก

เมนูแรก หอยเชลล์อบเนย

ต่อด้วย พอร์คชอฟ

ปลาคอดย่างเกลือ

พอทานจนอิ่ม จากนั้นก็กลับไปที่พัก และไกด์ก็ส่งข้อความมาบอกว่าให้เตรียมตัวไปล่าแสงเหนือกัน พวกเราตื่นเต้นกันสุดๆ

นั่งรถออกไปไม่ไกล ก็ถึงที่หมาย เป้นลานกว้างๆ คนเยอะมาก เราก็ลงไปหาไกด์ เค้าก็เรียกเราให้ไปถ่ายรูปทันที

เพราะแสงกำลังเห็นชัด วันนี้ค่าความเข้มแสงอยู่ที่ KP4 ซึ่งถือว่าเยอะพอสมควร โชคดีสุดๆ

หลังจากแสงตรงจุดนี้เริ่มหายไป เราก็ยังไม่หมดความพยายาม ไกด์ก็พาเราไปล่ากันต่ออีกที่

ที่นี่ค่อนข้างไกลจากตัวเมือง นั่งรถไปประมาณชั่วโมงกว่าๆ พอจอดรถ ต้องเดินเข้าไปในป่า ติดริมทะเลสาป

ซึ่งทะเลสาปกลายเป็นน้ำแข็งไปหมดแล้ว ตอนนั้นอากาศก็ลดลงเรื่อยๆ หนาวก็หนาว ลมก็แรง

แต่ทุกคนก็ไม่หมดความพยายามที่จะตั้งกล้องถ่ายภาพแสงเหนือกัน

Tips:ขั้นตอนการถ่ายรูปแสงเหนือ ให้ปรับ ISOและ Speed shutter

อย่าลืมเอาขาตั้งกล้องไปด้วยนะคะ จำเป็นมากๆ

 

Day 4: Snow mobile & City Tour

โปรแกรมของเราวันนี้คือไปขี่Snow mobile กัน Vadim บอกว่าช่วงนี้หิมะยังไม่ค่อยเยอะ

ระยะทางที่ขี่เลยจะไม่ยาวมาก เค้าเลยแถมนั่งรถ ATV ให้

ไปถึงไปเปลี่ยนชุดสกีอุ่นมากๆเลย แต่ก็ตัวใหญ่มากเช่นกัน

เค้าพาเราขี่ATV ขึ้นเขาไป เพื่อไปชมวิวเมืองด้านบน ข้างบนหิมะปกคลุมทั้งเขา

แต่อากาศไม่หนาวเลย สงสัยเพราะชุดอุ่นมาก เลยชิวสุดๆ

จากนั้นก็ลงมาขี่ Snow mobile ต่อ แต่เสียดายหิมะยังไม่ค่อยเยอะ ทำให้ขี่ได้แค่ระยะสั้นๆ

 

พอเล่นเสร็จเราก็บอก Vadimว่าอยากกินขาปู เค้าเลยพาเราไปร้านอาหารที่เป็น chain เดียวกับ Pinta

และจองปูไว้ให้เรา 1 จาน โชคดีว่าเหลือปูแค่จานสุดท้าย

ขาปูใหญ่มากก และเนื้อก็หวานอร่อยมาก เยอะจนเรากินไม่หมดเลย ถ้ามีน้ำจิ้มซีฟู้ดมาด้วยคงจะฟินน่าดู

วันนี้เราไม่ได้ไปล่าแสงเหนือกันแล้ว เพราะพรุ่งนี้เราบินไฟล์ทเช้ามาก กลัวจะไม่ไหว ก็เลยบอกวาดิมว่าไม่ไป

ซึ่งเค้าจะคิดเงินเราเฉพาะคืนที่เราไปเท่านั้น

 

Day 5: Murmansk to SPB

วันนี้เราตื่นกันตั้งแต่ตี 4 เพราะเราต้องนั่งเครื่องบินไปที่เมืองเซนต์ปีเตอรสเบิร์ก ตอน 7 โมงเช้า

เช้านี้ หิมะตกกระหน่ำมาก

กว่าจะถึงเซนต์ปีเตอรสเบิร์ก ก็เกือบ 10 โมง แต่แล้วก็เกินเรื่องที่ไม่คาดคิดขึ้น

เพราะกระเป๋าที่มาจากมูรมันส์ทุกใบโดนรื้อ แต่ไม่มีของอะไรหายไป แต่ที่เลวร้ายไปกว่านั้นคือ

กระเป๋าพวกเราล็อคพัง !!

แล้วพนักงานก็ไม่ช่วยอะไรเราเลย บอกแค่ให้ไปกรอกฟอร์มเผื่อทำเรื่องขอเงินชดเชยจากสายการบิน แต่ปัญหาคือ เราเปิดกระเป๋าไม่ได้ ทางเดียวที่ทำได้คือให้เค้าตัดซิปให้ เสียอารมณ์มากจริงๆ

หลังจากนั้นเราก็เรียก Taxi ไปที่ที่พักเพื่อฝากกระเป๋า คืนนี้เราพักที่ Friends Loft Hotel

ที่พักที่นี่น่ารักมากเป็นห้องใต้หลังคา ราคาก็ไม่แพง แถมมีอาหารเช้าด้วย

แต่มีข้อเสียอยู่อย่างเดียวเท่านั้นคือ ห้องพักเราอยู่ชั้น 4 ก็ต้องแบกกระเป๋า 30 โล ขึ้นบันได 4 ชั้น หอบแฮกๆเลย ไม่อยากจะคิดถึงตอนเอาลงมา

และวันนี้เราก็เสียเวลาไปครึ่งวันกับการเดินทาง จากนั้น เราก็เริ่มเที่ยวกัน

ที่เที่ยวที่แรกเราไปกันที่ Smolny Cathedral กัน

 

Smolny Cathedral (СмольныйСобор)

Metro:สถานี Chernyshevskaya (Черныше́вская)

พอออกมาจากสถานี แล้วเลี้ยวขวา ตรงไปเรื่อยๆประมาณ 2 กิโลกว่าๆเท่านั้นเอง

ระหว่างเดินจะผ่านสวนสาธารณะให้ถ่ายรูปชิคๆด้วย

ในที่สุดก็ถึงแล้ว โบสถ์สีฟ้าขาว ตั้งอยู่โดดเด่นมาก และก็สวยมากด้วย

จากนั้น เราเรียกแท๊กซี่ไปกินข้าวกลางวันมื้อแรกกัน ที่ร้านอาหารชื่อร้าน BIRCH

ร้านนี้ค่อนข้างจะเล็กนะคะ ถ้าไปหลายคนแนะนำให้โทรไปจองล่วงหน้าค่ะ

ร้านนี้เป็นอาหารสไตล์ European, Seafood ซึ่งติดอันดับใน Tripadvisor ด้วย

อาหารที่นี่นอกจากตกแต่งสวยแล้วยังอร่อยสมคำร่ำลือจริงๆ

เมนูแรกที่มาแล้วต้องสั่งคือ

Corn bread with onion

Tuna ceviche,nectarine,tomato and yuzu

Ravioli with pumpkin and black truffle

เมนูนี้จำชื่อไม่ได้ แต่เป็นเนื้ออกไก่ทอด อร่อยมากค่า

ตบท้ายด้วย Lemon Sorbet สดชื่นมากๆ

มื้อนี้ประทับใจสุดๆจริงๆ ร้านนี้ให้ชนะเลิศไปเลย ไม่เสียแรงที่ทำการบ้านมาอย่างดี

กินอิ่มเราก็นั่ง Metro ไปเที่ยวพิพิธภัณฑ์กันต่อ

 

Hermitage Museum (Госуда́рственныйЭрмита́ж)

Metro : Admiralteyskaya

ค่าเข้าชม 600 RUB

open :10:00-18:00/ wed close 21:00

Closed: Monday

มาต่อกันที่ พระราชวังฤดูหนาว ซึ่งที่นี่เป็นหนึ่งในพิพิธภัณฑ์ศิลปะระดับโลก

ด้านในมีงานศิลป์ ถาพวาด และโบราณวัตถุจำนวนมาก มีห้องต่างๆเยอะจนเดินไม่ไหว

หลังจากเดินพระราชวังเสร็จ เราก็เดินไปเรื่อยๆจนถึงถนนเนฟกี้ (Nevsky prospekt)

ซึ่งถนนเส้นนี้มีความยาว 4.5 กิโลเมตร สองข้างทางก็จะมีร้านค้า ร้านอาหารเต็มไปหมด

และเราก็แวะกินข้าวกันที่ร้าน Market Place ร้านนี้เป็นลักษณะ Self Service เราต้องสั่งอาหาร จ่ายเงิน

และยกไปที่โต๊ะเอง อาหารก็จะมีทั้ง สปาเกตตี้ สลัด สเต๊ก และอื่นๆอีกมากมาย

รสชาติอร่อยเลยทีเดียว แถมราคาก็ย่อมเยาด้วย

 

Day 6: Catherine Palace

Catherine Palace (Екатерининскийдворец) 

Location: 59.71543, 30.39565565

ค่าเข้าชม 1000 Ruble

ขึ้น metro ไปลงที่ Moskovskaya Station ให้ข้ามมาฝั่งงตรงข้ามรูปปั้นเลนนิน และเดินไปทางแมคโดนัลด์

และต่อ Mini Bus สาย K-342 or K-545ไปลงที่ Pushkin ใช้เวลานั่ง bus ประมาณ 40นาที ค่ารถ 30 RUB

พอถึง Pushkin เดินต่ออีกหน่อยก็ถึง Catherine Palace ค่ะ

เดินเข้ามาไม่ไกลก็ถึงด้านใน

ตึกสีฟ้าอ่อน มียอดโดมสีทอง ตัดกับท้องฟ้า สวยงามมากจริงๆ

จากที่อ่านมาเค้าบอกว่าคนจะเยอะ เราก็เลยจองตั๋วออนไลน์มาล่วงหน้า แต่พอมาถึงจริงๆ

คนไม่เยอะอย่างที่คิด อาจจะเป็นเพราะเรามาตั้งแต่ช่วงเช้าด้วย

ถ่ายรูปด้านนอกเสร็จก็เข้าไปเดินด้านในบ้าง

ด้านในสวยงามอลังการมากพระราชวังนี้ส่วนใหญ่จะตกแต่งเป็นสีทองเหลืองอร่าม

เจอเด็กๆมาเข้าคลาสเรียนเต้นรำด้วย น่ารักจังเลย

ขากลับเราก็เรียกแท๊กซี่กลับเข้าเมืองกัน โดยให้เค้าไปส่งที่ Chesme Church

 

The Chesme Church (Чесменскаяцерковь)

Metro Station: Moskovskaya (Моско́вская)

ที่นี่ตั้งอยู่ใกล้ๆกับสถานี Moskovskayaโบสถ์นี้เป็นโบสถ์เล็กๆที่สีชมพูสลับขาว

มีความน่ารักฟรุ้งฟิ้งมากเลย เหมาะแก่การมาถ่ายรูปเล่นมากๆ

ภายในโบสถ์ก็จะเป็นโบสถ์เล็กๆค่ะ

 

Saint Isaac’s Cathedral or Isaakievskiy Sobor ( Исаа́киевскийСобо́р)

Metro : Gostiny Dvor or Nevsky Prospekt

เปิดเวลา 11.00-18.00 น.

Closed : Wed

St Isaac’s Cathedral เป็นโบสถ์ออธอดอกซ์ที่ใหญ่ที่สุดในรัสเซีย น่าเสียดายที่เรามาเย็นไปหน่อย

ก็เลยไม่ได้ถ่ายวิวตอนฟ้ายังไม่มืด

ด้านในโบสถ์ตกแต่งสวยงามมากๆ ทั้งเพดาน และรูปภาพต่างๆ

ระหว่างทางจากเมโทรไป Saint Isaac เราเจอร้านอาหารน่ารักๆอยู่ ก็เลยกลับมาทานมื้อค่ำกันที่ร้านนี้

ชื่อร้าน Gosti ด้านในร้านตกแต่งน่ารักมากๆ แถมอาหารก็อร่อยอีกด้วย

 

 

Day 7: Peterhof

วันนี้เราจะออกนอกเมืองเพื่อไปพระราชวังฤดูร้อนหรือPeterhof Palace กัน

Peterhof 

Metro :  Avtova พอออกจากตัวสถานีให้เดินทางข้าม Underground ไปอีกฝั่ง

ก็จะเจอคิวรถตู้ K-224, K-300, K-424, K-424A แล้วแจ้งคนขับรถได้เลยว่าเราจะไป Peterhof

และจ่ายเงินได้บนรถเลย

Fee : 700 rubles

Open: Tuesday-Friday & Sunday: 12:00-14:00, 16:15-17:45

Closed: Monday

มาพระราชวังฤดูร้อนในหน้าหนาว บรรยากาศก็จะสวยไปอีกแบบค่ะ

ด้านในจะมีบางห้องห้ามถ่ายรูป ซึ่งแต่ละห้องก็ตกแต่งสวยงาม อลังการมากๆ

ออกมาเดินริมทะเลบ้าง ทะเลกลายเป็นน้ำแข็งไปหมด จนไปเดินเล่นได้

จากนั้นเราก็นั่งแท๊กซี่กลับเข้าเมืองกัน

 

The Church of the Savior on Spilled Blood (ЦерковьСпасанаКрови)

Location:59.9401, 30.32889

Metro: Necsky Prospekt

Ticket:250RUB

Closed : Wed

โบสถ์นี้ถูกขนานนามว่าโบสถ์หยดเลือด สวยงามอลังการมาก แต่น่าเสียดายที่ยอดโดมปิดซ่อม

เจ้าอเล็กเซนเดอร์ที่ 2 ถูกลอบปลงพระชนม์ที่นี่

หลังจากถ่ายรูปเสร็จ ก็ไปหลบหนาวที่ร้านอาหาร ที่ตั้งอยู่บนชั้น 2 ของร้านหนังสือ

ร้านนี้มองออกไปจะเป็นวิวของ Kazan Cathedral เราไม่ได้จองล่วงหน้าก็เลยไม่ได้นั่งริมหน้าต่าง

วันนี้เราต้องนั่งรถไฟไปมอสโก รอบดึก ก็เลยเหลือเวลาหลาย ชม.เราเลยไปนั่งเล่นร้านขนมกัน

จากนั้นก็ไปเอากระเป๋าที่ฝากไว้ที่โรงแรม และเรียกแท๊กซี่ไปที่

สถานี Moskovsky railway station (Санкт-Петербург-Главный)

รถไฟขบวนที่เรานั่งกันชื่อว่า Redarrow (Краснаястрела)

เป็นรถไฟขบวนแรกที่วิ่งเชื่อมเมืองหลัก 2 เมือง Moscow-St. Petersburg จะออกจากMoscow 23.55 ทุกคืน

รถไฟมาถึงตั้งแต่ประมาณ 23:30 น. ก่อนเวลาออกจริงประมาณ 20 นาที

เราก็เลยขึ้นไปถ่ายรูปเล่นกันก่อน บนรถไฟแต่ละโบกี้จะมีเจ้าหน้าที่ดูแล 1 คน

พนักงานทุกคนพูดภาษาอังกฤษได้ค่ะพอถึงเวลา 23.55 น. รถไฟก็ออกเลย ตรงเวลามากๆ

เราจองขบวนที่ ซึ่งเป็นขบวนกลางๆ ไม่ต้องเดินไกลมากตู้นอนห้องที่ 9-10

ซึ่งเป็นห้องแบบ 1-class ซึ่งจะมี2 เตียง ในห้องมีอาหารว่างและน้ำดื่มให้พร้อมเลย

พอรถไฟออกซักพักเจ้าหน้าที่ก็จะเข้ามาแนะนำ วิธีการเปิดเบาะ ปูเตียง

และมารับออเดอร์อาหารสำหรับพรุ่งนี้เช้า

แต่ละโบกี้จะมีห้องน้ำ 1 ห้อง ห้องน้ำก็สะอาดสะอ้านดีค่ะ

 

Day 8 : Moscow

ตื่นเช้ามาประมาณ 7.20 น. เจ้าหน้าที่ก็จะมาปลุกพร้อมเสริฟอาหารเช้าให้ หลังจากนั้น

7:55 น. รถไฟก็จอดที่ชานชาลาสถานี Leningradsky railway station (Ленинградскийвокзал)

ออกมาจากรถไฟก็พบกับอากาศที่หนาวก็เดิม ต้องรีบหาเสื้อมาใส่เพิ่มอีกชั้น

เราเดินไปในสถานีรถไฟใต้ดินเพื่อไปอาบน้ำกันก่อนที่คาเฟ่ในสถานีรถไฟ

ค่าอาบน้ำคนละ 500 RUB มีผ้าเช็ดตัวแบบใช้แล้วทิ้ง และชุดแปรงสีฟันให้

ห้องน้ำสะอาดดีมาก

หลังจากนั้น เราก็นั่งแท๊กซี่ไปที่ ibis moscow Kievskaya เพื่อฝากสัมภาระ ก่อนจะเดินทางไปเที่ยวกัน

ที่มอสโกเราตั้งใจไว้ว่าจะเดินทางโดยรถไฟใต้ดิน เราก็เลยซื้อตั๋วแบบ 20 เที่ยว ราคา 750 RUB

ตั๋วรถไฟที่นี่สามารถใช้ได้หลายคนนะคะ วิธีใช้ก็คือ คนแรกติ๊ดบัตรเข้าไปแล้ว ก็ยื่นบัตรมาให้คนถัดไป

ส่วนขาออกไม่ต้องแตะบัตร สามารถเดินออกได้เลยค่ะ

 

Red Square (Кра́снаяпло́щадь)

นั่งmetroสายสีแดง มาลงที่

สถานี Okhotny Ryad (Охотныйряд)

ออกจากสถานีจะเจอ Resurrection Gate (จตุรัสแดง) ตั้งอยู่ด้านหน้า

เดินเข้าไปเป็นลานกว้าง จะมองเห็น มหาวิหารเซนต์บาซิล หรือ โดมรูปหัวหอม ตั้งอยู่แบบเห็นแต่ไกลเลยค่ะ

ช่วงที่เราไป ตรงหน้าห้าม GUM จัดงาน Winter Market ต้อนรับเทศกาลคริสมาสพอดี

บรรยากาศรอบๆน่ารักไปหมด

 

Kremlin palace 

Metro : Alekandovsky แล้วเดินไปที่สวน Aleksandrovsky Sad

Closed: Thusday

เราไปแลกตั๋วที่จองออนไลน์ล่วงหน้าที่ Alexander garden ช่องเบอร์ 6,7,8

ประตูทางเข้า Borovitskaya Tower อยู่ใต้สุดของสวน

หลังจากนั้นเราก็ไปหลบหนาวในห้าง Gum กันต่อ เข้ามาก็เจอร้านไอศรีมสุดฮิตเลยค่ะ

มาแล้วก็ต้องลองหน่อย เดี๋ยวจะมาไม่ถึง

รสชาติก็อร่อยสมคำล่ำรือค่ะ ราคาโคนละ 50 RUBเท่านั้นเอง

บรรยากาศในห้างตกแต่งไฟ เทศกาลคริสมาสต์สวยงามมาก

 

Day 9: Moscow

วันนี้ตื่นเช้ามา มองออกไปนอกหน้าต่างก็เห็นแต่สีขาวเต็มไปหมด

เชคพยากรณ์อากาศวันนี้แจ้งว่าหิมะจะตกทั้งวันไม่อยากจะคิดเลยว่าจะหนาวขนาดไหน

 

Cathedral of Christ the Saviour  (ХрамХристаСпасителя)

Open : 10:00-19:00

Metro Station: Kropotkinskaya (Кропоткинская) สายสีแดง

ออกจากสถานีมา ก็จะเห็นโบสถ์ตั้งอยู่ด้านหน้าเลย

โบสถ์นี้เป็นวิหารที่ใหญ่ที่สุดในรัสเซีย

ซึ่งเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ในการประกอบพิธีกรรมสำคัญต่างๆของประเทศรัสเซียด้วย

ด้านในโบสถ์ห้ามถ่ายรูปนะคะ วันที่เราไป เค้ามีทำพิธี สวดมนต์ กันอยู่

คนเลยเยอะมาก เราเดินดูด้านในไม่นานก็ออกมา

จากนั้นเราก็ไปเดินเล่นที่ถนนอาบัต หรือ Arbat Street นั่ง Metro ไปลงสถานี Arbatskaya (Арба́тская)

สายสีน้ำเงินจากนั้นก็เดินมาตามทาง ก็จะถึงถนนอาบัต

ถนนนี้จะปิดไม่ให้รถวิ่งผ่าน จึงเป็นถนนคนเดินที่ส่วนใหญ่ สองข้างทางจะเป็นร้านรวง

ขายพวกของฝาก ซึ่งราคาที่นี่ก็ถือว่าไม่สูงมาก บางร้านก็สามารถต่อรองราคาได้

เราทานอาหารกลางวันกันที่ร้าน  Varenichaya No.1 ร้านนี้น่าจะเป็นร้านดังในมอสโก

เพราะเราเห็นว่ามีหลายสาขา และคนก็เยอะทุกสาขาเลย

ภายในร้านตกแต่งน่ารักมาก

เมนูนี้เป็น Signature ของทางร้าน เป็นอาหารประจำชาติของรัสเซีย

รสชาติเหมือนเกี๊ยวบ้านเรา ก็อร่อยดีค่ะ แต่ให้มาเยอะมาก ทานไม่หมด

เมนูถัดไปเป็น Beef Stroganoff

ส่วนเมนูนี้เป็นไก่ย่างธรรมดา

สำหรันรสชาติร้านนี้ เราว่ากลางๆ ไม่ถูกปากเราซักเท่าไหร่

และราคาก็ค่อนข้างสูงใช้ได้เลย มื้อนี้จ่ายไป ทั้งหมด 3,000 RUB

จากนั้นเราก็ไปเดินตลาดกันต่อ

 

Izmailovsky Market

Metro Station: Partizanskaya (Партизанская)

Closed: Monday,Tuesday,Thursday

น่าเสียดายที่วันนี้หิมะตกทั้งวัน แถมฟ้าก็มืดเร็ว ก็เลยไม่ได้ถ่ายรูปเยอะเท่าไหร่

อีกอย่างเราก็มาชอปวันสุดท้าย เงินสดก็ไม่ค่อยจะมี ก็เลยชอปกันแค่นิดหน่อย และก็ไปเดินถ่ายรูปกัน

ที่นี่มีที่ถ่ายรูปสวยๆเยอะมาก ตึกด้านในเป็นสีลูกกวาดน่ารักสุดๆ

จากนั้นก็กลับเข้ามาในเมืองมากินข้าวแถวย่าน Red square

แล้วก็กลับที่พักกัน ก่อนเข้าที่พัก เราแวะซื้อขนม เพื่อเป็นของฝาก ที่ supermarket ในห้างที่ติดกับโรงแรม

ใครมาเที่ยวรัสเซีย อย่าลืมซื้อ พวก chocolate กลับไปนะคะ

ที่นี่ราคาถูกมากเลย ราคาประมาณ 50 RUB เท่านั้น

 

Day 10 in Moscow (back to Thailand)

วันนี้เราต้องบินกลับเมืองไทยแล้ว แต่เหลือเวลาช่วงเช้าก็เลยไปที่

Eliseevsky Store

Metro : Pushkinskaya เป็นซุปเปอร์มาร์เก็ตที่ตกแต่งหรูหรามาก ของที่ขายก็ราคาสูงกว่าทั่วไป

ก่อนกลับเราก็แวะทานข้าวกัน ที่ร้านใกล้ๆสถานีรถไฟใต้ดิน

ร้านนี้ก็อร่อยอีกแล้วค่ะ สำหรับใครที่มารัสเซียแล้วกลัวว่าจะกินอาหารไม่ได้ ไม่ต้องกังวลเลย

จากที่เราทานมา ทุกร้านรสชาติดีเกือบหมดเลยจริงๆค่ะ

พอทานเสร็จเราก็กลับไปเอากระเป๋าที่โรงแรม และก็เรียกแท๊กซี่มารับไปส่งที่สนามบิน Domodedevo

ค่าแท๊กซี่จากโรงแรมประมาณ 500 บาท

 

ฝากไว้นิดนึงสำหรับคนที่ชอปปิ้งมาและจะทำTax Refund ที่รัสเซียถ้าซื้อสินค้าเกิน 5,000 RUB

สามารถขอคืนภาษีได้ 11% สำหรับร้านค้าที่ร่วมรายการนะคะ วิธีก็ง่ายๆ 4 ขั้นตอน ดังนี้

  1. ตอนซื้อสินค้าให้แจ้งกับร้านค้าว่าเราต้องการทำTax Refund เค้าก็จะออกเอกสารให้เรา
  2. หลังจากเชคอินเรียบร้อยแล้วขึ้นไปชั้น2แสกนกระเป๋าเสร็จ ให้นำเอกสารพร้อมสินค้าที่ซื้อทุกชิ้นไปยื่นในช่องสำแดง(ช่องสีแดง)
  3. เจ้าหน้าที่เค้าจะขอดูสินค้า และจดรายละเอียดลงบนสมุดของเค้า และเค้าจะประทับตราลงบนเอกสารให้
  4. นำเอกสารที่เค้าประทับตราเรียบร้อยไปหย่อยลงในกล่อง ตามบริษัทที่เราทำ Taxไว้

หมายเหตุ: ใช้เวลาในการทำ Tax Refund ประมาณ 30 นาที แต่ขึ้นอยู่กับปริมาณคิว และ สินค้าของเรานะคะ วันที่เราไปไม่มีคิวก็เลยรอไม่นานมาก

เป็นอันจบทริปแบบสมบูรณ์ ทริปนี้บอกได้เลยว่าคุ้มค่ามากๆ จากที่ไม่เคยอยากมารัสเซีย

ทำให้เราเปลี่ยนความคิดไปเลย เชื่อว่าหลายๆคนถ้าอ่านมาถึงตอนนี้ก็คงอยากไปแล้ว

ขอบคุณทุกคนที่ติดตามกันมาตลอดนะคะ เนื้อหาอาจจะมีสาระบ้างไม่มีบ้าง ถ้าใครอยากตามรอย

หรือมีคำถามอะไรเกี่ยวกับการเดินทาง สอบถามมาได้เลยนะคะ ยินดีให้คำตอบทุกเรื่องค่า

ขอบคุณมากๆสำหรับคำติชมที่ผ่านมา แล้วเจอกันใหม่ทริปหน้าค่า 🙂

nuttaponp

Nuttapon Pichetpongsa

Nuttapon Pichetpongsa - He is also a Blogger, Bookworm, Adventurous Traveler and Coffee Lover. Nuttapon's passion is about innovating test engineering methodologies and designing solutions to overall simplify product testing.

5 Comments

  • Blackstone

    อยากทราบว่าคุณซื้อตั๋วแอโรฟลอตจากมอสโกไปมรูมันส์จากที่ไหนคะ แล้วมันจะได้โหลดกระเป๋า 23 กิโลทุกที่นั่งรึเปล่าคะ เพราะเห็นดูจาก Trip/cheapticket พวกนี้มันจะระบุว่าไม่มีสัมภาระเช็คอินอ่ะค่ะ หรือคือจริง ๆ มันมีให้อยู่แล้วคะ แล้วเราสามารถรวมสัมภาระกันให้ตามจำนวนน้ำหนักเหมือนแอร์เอเชียแบบนี้ได้รึเปล่าคะ หรือได้แค่ใบเดียว ขอบคุณค่ะ

    August 29, 2019 at 4:06 am
    • bellie
      Thipsumon Kirkkraisuksom

      ตอนที่เราซื้อ ซื้อผ่านเวบ aeroflot โดยตรรงเลยค่ะ ได้กระเป๋าคนละ 23 กิโล ต่อใบค่ะ

      October 18, 2019 at 11:00 am
    • Nuttapon

      ถ้ามีขอมูลสอบถามเพิ่มเติม ติดต่อที่ facebook page

      https://facebook.com/vacationisty ได้เลยนะครับ

      October 18, 2019 at 11:05 am
  • Antzz

    ปี คศ ผิด อะครับ ธค 2019 ยังไม่ถึงเลย 😙😙

    September 11, 2019 at 2:51 am
    • bellie
      Thipsumon Kirkkraisuksom

      555 ขอบคุณนะค๊า แก้เรียบร้อยค่า

      October 18, 2019 at 10:58 am

LEAVE A COMMENT