Where do you want to travel?
Your journey will lead you to famous domestic and foreign beauty spots.
Your journey will lead you to famous domestic and foreign beauty spots.
ถ้าถามว่าสถานที่ในฝันที่ใครๆหลายคนใฝ่ฝันไว้ว่าวันนึงต้องไปมีที่ไหนบ้าง เราเชื่อว่า เกาะซานโตรินี ต้องติดอยู่ใน wishlist ของหลายๆคนแน่นอน ซึ่งเราก็เป็นหนึ่งในนั้น และวันนึงฝันเราก็เป็นจริง เมืองนี้เราเชื่อว่าถ้าใครได้มาแล้ว ไม่มีใครไม่ตกหลุมรักแน่นอน
Bellie
ขอออกตัวก่อนนะคะ ว่าเราไปซานโตรินีตอนเดือนกันยา ปี2012 ซึ่งตอนนั้นยังใช้กล้องธรรมดา canon G12 อยู่เลย รูปเลยอาจจะไม่ได้สวยเท่าไหร่ แต่เราอยากมารีวิวให้เพื่อนๆได้เห็นว่าที่นี่สวยแค่ไหน ครั้งนี้ข้อมูลอาจจะไม่ละเอียดเท่าไหร่ เน้นดูรูปเอาละกันน้า
สำหรับการเดินทาง เราเดินทางออกจากประเทศอังกฤษ โดยสายการบิน Thomas Cook แล้วมาเปลี่ยนเครื่องที่เมืองเอเธนส์ เพื่อไปลงที่สนามบิน Thira บนเกาะซานโตรินี ค่าตั๋วไปกลับประมาณ 2 หมื่นบาท
มาถึงเกาะซานโตรินีทั้งที ก็มีกิจกรรมเด็ดๆที่ห้ามพลาดแน่นอน ตามไปเที่ยวกันเลย
ชายหาดที่นี่มีหลายจุดมาก ซึ่งแต่ละหาดไม่ได้มีหาดทรายเหมือนที่อื่นที่เราเคยเจอ ชายหาดที่นี่ถูกตั้งชื่อตามสีของแต่ละหาดค่ะ การเดินทางบนเกาะสามารถนั่งรถบัส หรือเช่ารถขับก็ได้นะคะ พวกเราเช่ารถวันที่เที่ยวรอบเกาะ 1 วันค่ะ
หาดแรกเรียกว่า Black beach หาดนี้หินทั้งหมดเป็นสีดำหมดเลย ตั้งอยู่ที่เมืองคามารี (Kamari) และเปอร์ริซ่า (Perissa) ตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของเกาะ
นักท่องเที่ยวมานอนอาบแดดกันเต็มไปหมด
Red Beach ตั้งอยู่ที่เมืองอโครติรี (Akrotiri) ซึ่งตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของเกาะค่ะ
ที่ถูกเรียกว่า Red beach ก็เพราะหน้าผา และหินที่อยู่รอบๆเป็นสีแดงหมดเลย
เราซื้อทัวร์กับบริษัททัวร์ในเมือง Fira เพื่อไปดูปล่องภูเขาไฟและ Hot spring ค่าทัวร์คนละ 20 ยูโรค่ะ
วิธีลงไปที่ท่าเรือมีหลายวิธีแล้วแต่สะดวก ซึ่งเราเลือกนั่งกระเช้าหรือ cable car ลงไปที่ท่าเรือค่ะ (ค่าขึ้นกระเช้าคนละ 4ยูโร) ส่วนใครอยากเดิน หรือขี่ลา (Donkey) ก็ได้เหมือนกัน
ถึงแล้วท่าเรือที่นี่สวยมากเลย
พร้อมเที่ยวแล้วค่า
เรือออกจากฝั่งแล้ว
นั่งเรือออกมาไม่ไกลก็ถึงแล้วค่ะ เรือจอดเทียบท่าเรือ Erinia
ทางเดินไปดูปากปล่องภูเขาไฟ ใช้เวลาเดินไป กลับประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง เส้นทางอาจจะไม่ไกลมาก แต่อากาศบนนี้ร้อนและแห้งแล้งมากจริงๆ
เห็นแบบนี้ยังมีควันออกมาอยู่เลยนะคะ ร้อนมากด้วย เพราะว่าภูเขาไฟที่นี่เป็นภูเขาไฟที่ยังไม่ดับสนิท
ข้างบนนี้มองลงไป วิวทะเลสวยมากเลย
จากนั้นทัวร์ก็พาเราไปยังจุดที่มี Hot Spring เค้าบอกว่าตรงจุดนี้อุณหภูมิน้ำประมาณ 30-35 องศา
พอลงไปจริงๆ ไม่เห็นจะร้อนเลย น้ำเย็นด้วยซ้ำ
จากนั้นเรือก็พาเรากลับเข้าฝั่ง จากมุมนี้เห็นเกาะทั้งเกาะเลย สวยมากเลยค่ะ คนที่นี่เก่งจริงๆ ไปสร้างเมืองทั้งเมืองบนเกาะที่สูงขนาดนี้
ไฮไลท์ของทริปนี้ที่ใครๆก็ต่างพูดถึงก็คือการได้มาดูพระอาทิตย์ตกที่เมืองเอีย เรามาจองที่ตั้งแต่ 5 โมงเย็นเลย ตื่นเต้นมาก 55 บรรยากาศดีสุดๆ รอบข้างมีแต่คู่รักมานั่งดูพระอาทิตย์ตกกัน
บนเกาะนี้จะเห็นโบสถ์ที่มีสีขาวหลังคาโดมสีน้ำเงิน ประดับด้วยระฆัง ที่กลายเป็นสัญลักษณ์ของซานโตรินีไปแล้ว บางแห่งมี 3 อัน บางแห่งก็มี 5 อัน
ตึกรามบ้านช่องถูกสร้างและระบายเป็นโทนสีพาสเทล มีลูกเล่นด้วยเหลี่ยมมุม และหลังคาทรงโค้งเรียงต่อกันเป็นชั้นๆ ดูแล้วเหมือนบ้านในฝันเลย
ตามทางเดินก็ประดับไปด้วยภาพวาดที่เป็นสีน้ำ ตลอดทั้งเมือง น่ารักมากๆเลย
ร้านรวงที่นี่มีเยอะมาก ราคาก็แตกต่างกันไป แต่ถ้าจะซื้อของฝากแนะนำว่าให้ซื้อที่ Fira เพราะราคาจะย่อมเยากว่าค่ะ
โมเดลรูปโบสถ์เป็นของที่ใครๆผ่านไปมาก็ต้องซื้อกลับไป
ภาพวาดสีน้ำเป็นที่นิยมมาก
ไม่มีอะไรจะสุขไปกว่าการได้กินอาหารอร่อยๆ และได้ชมวิวสวยๆอีกแล้ว
วิวตอนเช้าว่าสวยแล้ว วิวตอนกลางคืนก็ไม่แพ้กันค่ะ
ทริปนี้ เราใช้เวลาทั้งหมด 4 วัน 3 คืน ถ้าเป็นไปได้ อยากจะอยู่ซักเดือนนึง 555 แต่เงินในกระเป๋าไม่เป็นใจ สำหรับเราแล้ว การมาเที่ยวครั้งนี้ เรามีประทับและมีความสุขมากๆๆ ถ้าเป็นไปได้อยากหยุดเวลาไว้ที่นี่เลย อิจฉาคนที่นี่ที่ได้ใช้ชีวิตอยู่บนนี้จัง ถ้ามีโอกาสเราจะมาอีกให้ได้เลย รอเก็บเงินก่อน แล้วเจอกันใหม่นะ “ซานโตรินี” ชั้นตกหลุมรักเธอจริงๆ